วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Google ประกาศใช้ระบบความปลอดภัยของตัวเองแล้วเพื่อก้าวสู่การเข้าระบบที่ดีขึ้น


   ตอนนี้ทาง Google ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Titan Security Key แล้วซึ่งในตอนนี้ยังมีให้เฉพาะผู้ใช้ Cloud ได้ใช้กันเท่านั้นส่วนผู้ใช้รายอื่นๆ อดใจรออีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะได้ใช้  Titan Security Key แล้วเช่นเดียวกันและทาง Google เองนั้นก็ยังประกาศว่า Titan Security Key จะสามารถมอบความสบายใจให้กับผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้นว่าบัญชีต่างๆ ของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากระบบยืนยันตัวตนในรูปแบบของฮาร์ดแวร์จาก Google และเรียกได้ว่านี่คือระบบความปลอดภัยที่มีความสมบูรณ์แบบระบบหนึ่งเลยทีเดียว
    Titan Security Key นั้นถูกสร้างมาด้วยพื้นฐานของมาตรฐาน FIDO ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองและได้รับการสนับสนุนจากทั้งแอพฯ และเบราว์เซอร์ต่างๆ มากมายอีกด้วยนี่จึงทำให้ Titan Security Key ของ Google สามารถเข้าถึงบริการอื่นๆ ได้ด้วยไม่ใช่เข้าถึงได้แค่บริการจาก Google เท่านั้น (ความจริงแล้วทาง Google เองก็สนับสนุน Key ความปลอดภัยต่างๆ และการเข้าสู่ระบบตามมาตรฐาน FIDO มาตั้งแต่ปี 2014 แล้วอีกด้วย) ซึ่งแน่นอนว่า Titan Security Key นั้นมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นกว่าการคีย์รหัสผ่านโดยทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะการรักษาความปลอดภัยด้วยรหัสผ่านเพียงอย่างเดียว อาจเกิดการ Hack เข้ามาได้นั่นเอง
ส่วนเวลาในการดำเนินการนั้นทาง Google ได้ทำการทดสอบ Titan Security Key มาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วแต่เพิ่งเริ่มเปิดให้ได้ใช้งานกันประมาณช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง และทาง Google เคลมว่า ตั้งแต่มีการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่นี้ในปี 2017 ก็ไม่มีแม้แต่บัญชีเดียวที่โดนแฮกได้

ความคิดเห็น : การท่องโลกทางอินเทอร์เน็ตมีความน่ากลัวมากขึ้น ดังนั้นทาง Google จึงคิดแอพนี้ขึ้นมาโดยการทดลองมาเป็นระยะแล้ว
                  ที่มา : www.theverge.com , finance.yahoo.com , googlepartnerteam.com



รู้จัก 'ไซมอน' หุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศระบบ AI ตัวแรกของโลก


          ไซมอน หุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศที่เพิ่งถูกส่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ...นี่คือหุ่นยนระบบ AI ตัวแรกที่ถูกส่งขึ้นไปเพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีหุ่นยนต์ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ถูกส่งขึ้นไปเป็นผู้ช่วยของนักบินอวกาศมาก่อน วันนี้เรามารู้จักกับ ไซมอน ให้มากขึ้นกันเลย


1. ไซมอนเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีไอบีเอ็ม วัตสัน ที่ได้ติดตามนักบินอวกาศที่ชื่อนายอเล็กซานเดอร์ เกิร์สต ไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS)  
2. เป้าหมายของการส่งไซมอนขึ้นไปคือการช่วยนักบินอวกาศปฏิบัติการ 3 ภารกิจ ได้แก่ 1. การร่วมกันทำการทดลองกับคริสตัล 2. แก้ไขปัญหาลูกบาศก์ของรูบิกโดยอาศัยวิดีโอต่างๆ 3. ทดลองทางการแพทย์ที่ซับซ้อนโดยใช้ไซมอนทำหน้าที่กล้องบินได้
3. ไซมอนเป็นระบบอัจฉริยะแบบอินเตอร์แอคทิฟที่พกพาได้ ที่จะเป็นผู้ช่วยนักบินอวกาศเกิร์สตในภารกิจครั้งที่ 2 สู่สถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการสถานีอวกาศในช่วงที่สองของการปฏิบัติการระยะเวลา 6 เดือน
4. หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ไซมอนมีลักษณะเป็นอุปกรณ์กลมๆ ขนาดเล็ก มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ใบหน้าและเสียงดิจิทัล รวมถึงการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของไซมอน เป็นเหมือน เพื่อนร่วมงานของบรรดาลูกเรือบนอวกาศ
5. กลุ่มนักพัฒนาที่รับผิดชอบการพัฒนาไซมอนคาดการณ์ว่าไซมอนจะช่วยลดความเครียดของบรรดานักบินอวกาศ ขณะเดียวกันก็ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และทำหน้าที่เป็นระบบเตือนล่วงหน้าในกรณีที่เกิดปัญหาทางเทคนิค ซึ่งถือเป็นการเข้ามาช่วยปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยด้วย
6. ปัจจุบันไซมอนได้รับการฝึกอบรมให้สามารถระบุสภาพแวดล้อมของตนและสามารถระบุคู่สนทนาที่เป็นมนุษย์ที่กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับตนได้โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้ไซมอนสามารถประมวลผลข้อความ คำพูด และรูปภาพรวมถึงช่วยดึงข้อมูลและข้อค้นพบต่างๆ ได้อีกด้วย

7. ไซมอนสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆ ได้อย่างไร้ปัญหาไซมอนยังได้เรียนรู้ขั้นตอนดำเนินการทั้งหมดเพื่อให้สามารถช่วยทำการทดลองต่างๆ บนยานอวกาศได้อีกด้วยโดยบางครั้งการทดลองอาจประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ มากกว่า 100 ขั้นตอนที่แตกต่างกัน ซึ่งไซมอนรู้จักขั้นตอนเหล่านั้นทั้งหมด
8. โมเดลข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของไอบีเอ็มที่อยู่ในไซมอนจะช่วยให้องค์กรสามารถฝึกโมเดล AI ด้วยเทคโนโลยีของวัตสัน
9. ในระยะกลาง โครงการไซมอนจะมุ่งที่ผลของกลุ่มทางจิตวิทยาซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับทีมเล็กๆ ระหว่างภารกิจระยะยาวบนอวกาศ โดยผู้สร้างสรรค์ไซมอนมีความมั่นใจว่าการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์

ความคิดเห็น : ไซมอนเป็นหุ่นตัวแรกที่พัฒนามาเพื่อการนี้ ทั้งมีความคล้ายมนุษย์อย่างมาก

               ที่มา : Airbus




วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Adobe เปิดตัว Project Rush แอพฯ ตัดต่อวีดีโอแบบ all-in-one


Adobe เปิดตัว Project Rush แอพฯ ตัดต่อวีดีโอแบบ all-in-one


   สำหรับบางคนการทำงานกับโปรแกรมที่มีเครื่องมือให้เลือกใช้เยอะ อย่างเช่น   Adobe Premiere หรือ Adobe After Effects ดูจะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโปรแกรมมาตรฐานระดับที่มืออาชีพเขาใช้กัน แต่ด้วยราคาที่แพง และความยุ่งยากในการทำงานกับเครื่องมือมากมาย ทำให้หลายคนหันไปพึ่งพาโปรแกรมตัดต่อวีดีโอระดับล่างกันมากกว่า
         Adobe รู้แล้ว จึงได้หาทางแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ด้วย "Project Rush" แอพฯ ใหม่ที่เกิดจากการรวบรวมฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของซอฟต์แวร์ระดับมืออาชีพอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน คุณจะสามารถแก้ไขตัดต่อวีดีโอได้แบบเดียวกับ Premiere Pro, ทำโมชั่นกราฟฟิก ใส่เอฟเฟ็กต์พิเศษต่างๆ ได้แบบที่ After Effects ทำได้ รวมถึงจัดการกับไฟล์เสียง ซึ่งเป็นความสามารถของ Audition
        นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้งาน Adobe Stock เพื่อดึงเอาเทมเพลตฟรีทั้งหลายมาทำงานร่วมได้ แล้วก็สามารถแชร์ผลงานออกไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้โดยตรงจากในแอพฯ เลยด้วย รวมทั้งการซิงค์งานกับระบบคลาวด์ ที่ทำให้คุณสามารถโยกย้ายระหว่างแล็ปท็อป มือถือ หรือเดสก์ท็อป ได้ง่าย แน่นอนว่า Adobe Project Rush คงไม่สามารถทำงานฟอร์มใหญ่ๆ ได้ดีเทียบเท่ากับ Premiere Pro หรือ After Effects เห็นได้ชัดว่ามันเกิดมาเพื่อเหล่า YouTubers หรือผู้สร้างเนื้อหาแบบง่ายๆ ที่เน้นการอัพโหลดวิดีโอบ่อยๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือทุกวัน
ความคิดเห็น : เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้คนที่ตัดต่อวีดีโอ ที่ทาง Adobe ได้ผลิตแอพฯ Project Rush
 ขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

                                  ที่มา  thaiware

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Samsung เผยไม่พบบั๊กในแอพSamsung Messages


Samsung ยืนยันไม่เจอบั๊กส่งภาพเองใน Samsung Messages 
แต่ยังคงตรวจสอบต่อไป

              จากที่ก่อนหน้านี้ มีการรายงานว่า พบบั๊กใน Samsung Messages  ที่เกิดอาการส่งภาพเองโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าและยังไม่มีการบันทึกข้อมูลการส่งในเครื่องนั้น ล่าสุดSamsung ได้ออกมาแถลงผ่านสื่อต่างประเทศอย่าง Threat Post แล้ว
           จากคำแถลงของ Samsung นั้นเผยว่าขณะนี้ Samsung ได้ทำการตรวจสอบทั้งในแอพพลิเคชั่น Samsung Messages และในชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วแต่ไม่พบบั๊กที่เคยมี การรายงานออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึงได้ตรวจสอบไปยังภูมิภาคอื่นๆก็ไม่พบบั๊กเช่นเดียวกัน
           แต่อย่างไรก็ตาม Samsung จะพยายามตรวจสอบหาบั๊กและสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Samsung Messages ต่อไป  หากผู้ใดกังวลเกี่ยวบั๊กนี้สามารถเข้าไปตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลเพื่อป้องกันได้และสามารถนำสมาร์ทโฟน Samsung ของท่านไปติดต่อกับศูนย์บริการได้

  ความคิดเห็น : การเปิดข้อมูลหรือตั้งค่าแอพควรระมัดระวังในการใช้เพราะอาจมีบั๊กที่เราไม่สามารถรู้ได้เข้าถึงข้อมูลของเราโดยง่ายดาย
                                 ที่มา  Threatpost